ทรงประสูติเมื่อวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 เสด็จเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยทหารบกเมื่อ
พ.ศ. 2466 สำเร็จชั้น 5 พ.ศ. 2470 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
7 โปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนส่วนพระองค์ ไปศึกษาในระดับมัธยมศึกษาต่อที่วิทยาลัย
Peddie สหรัฐอเมริกา และจบชั้นมัธยมศึกษาในปี พ.ศ. 2473 เข้าศึกษาต่อที่
Cornell University โดยใช้เวลาการศึกษา 2 ปีครึ่ง ก็สำเร็จเทียบชั้น
Junior ของสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2476-2479 ทรงย้ายมาศึกษาที่ประเทศฟิลิปปินส์
ณ มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ เรียนวิชาการเกษตรเกี่ยวกับพืชเมืองร้อน ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 7 เพราะมีพระบรมราชวินิจฉัยว่า ประเทศไทยต้องการนักวิชาการในด้านการเกษตรและสหกรณ์เป็นอย่างยิ่ง
ทรงได้รับปริญญา B.S.Agr. ในปี พ.ศ. 2479
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 ทรงเข้ารับราชการตำแหน่งนักเกษตรโท ผู้ช่วยประจำกองอุตสาหกรรมพืชพรรณ
กรมเกษตรและการประมง กระทรวงเกษตราธิการ ต่อมาได้ทุนรัฐบาลเสด็จไปศึกษาต่อขั้นปริญญาโทที่
Cornell University เมื่อปี พ.ศ. 2482-2484 ได้รับปริญญา M.S. เสด็จไปศึกษาต่อขั้นปริญญาเอกที่
Lousiana State University ยังไม่ทันสำเร็จก็ต้องเสด็จกลับเข้ารับราชการตามเดิมในตำแหน่งนักเกษตรโท
กองการทดลองและส่งเสริม กรมเกษตร จากนั้นทรงได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปตามลำดับ
จนกระทั่งโอนไปรับราชการในสังกัดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในตำแหน่งรองอธิการบดี
รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าวและรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในปี พ.ศ. 2497 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว ในปี พ.ศ. 2504 เป็นอธิบดีกรมกสิกรรม
และเป็นคณบดี (กิตติมศักดิ์) คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี
พ.ศ. 2512 ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2512-2529
ทรงเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2518 มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี
ทรงมีส่วนในการพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครั้งสำคัญคือ การได้รับอนุมัติเงินกู้เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยจากธนาคารโลก
แต่มีอุปสรรคจนต้องยุติโครงการไประยะหนึ่ง เพราะเงื่อนไขที่รัฐบาลไทย
ต้องการให้ใช้เงินกู้เพื่อพัฒนาวิทยาเขตบางเขนให้สมบูรณ์เสียก่อน จึงค่อยไปพัฒนาวิทยาเขตกำแพงแสน
แต่สภาพความเป็นจริง ภายหลังที่ได้มีการจัดสรรพื้นที่ระหว่างกระทรวงเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหน่วยงานอื่นๆ ในบริเวณเกษตรกลางบางเขน
มีความคับแคบจนมิอาจพัฒนาได้ ท่านทรงอาศัยการที่ทรงคุ้นเคยกับบุคคลสำคัญผู้หนึ่งของธนาคารโลก
ซึ่งเคยเป็นผู้ใหญ่ในองค์การ FAO จึงได้ทรงขอรื้อฟื้นโครงการขึ้นใหม่
โดยทรงชี้แจงให้ทางรัฐบาลเข้าใจ ด้วยการสนับสนุนจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ
จึงทรงได้รับการแต่งตั้งจากทางการให้เปิดการเจรจาใหม่กับทางธนาคารโลก
ตามเงื่อนไขที่สอดคล้องกันทั้งฝ่ายไทยและธนาคารโลก ในการพัฒนาทั้งสองวิทยาเขตไปพร้อมๆ
กัน โครงการนี้จึงสำเร็จด้วยดีดังปรากฏในปัจจุบัน
ในด้านการดนตรี กล่าวได้ว่า ทรงเป็นผู้ให้กำเนิด K.U. Band อย่างแท้จริง
เนื่องจากทรงคอยช่วยเหลือ ประคับประคองให้ K.U. Band มีความเป็นปึกแผ่นก้าวหน้า
มีประสบการณ์ทางดนตรีกว้างขวางขึ้น ที่สำคัญคือ ปี พ.ศ. 2496 ท่านได้ทรงพาสมาชิก
K.U. Band ทั้งหมดในขณะนั้นเข้าเฝ้าในหลวง ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เพื่อถวายตัวและได้เข้าร่วมบรรเลงถวายออกอากาศ
ที่สถานีวิทยุ อ.ส. ทุกบ่ายวันศุกร์ติดต่อกันหลายปี นอกจากนี้ทรงสนับสนุนให้มีเวทีสำหรับการประกาศความสามารถของ
K.U. Band อาทิ งานหลวง คืองานพิธี หรืองานรื่นเริงของมหาวิทยาลัย
ทั้งงานรับแขกบ้านแขกเมือง และงานต้อนรับที่เป็นทางการและทางเอกชนจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว |