วันเสาร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๐๙

วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๐๙นับเป็นวันประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โปรดเกล้าฯ ให้อาจารย์ นิสิตเก่า และนิสิตปัจจุบันของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และพระราชทานเลี้ยงอาหารเย็น ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นเกล้าฯ ที่ทรงพระราชทานแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นอกจากนั้นยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกด้วย เพื่อให้พระมหากรุณาธิคุณอันนี้ได้เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน ข้าพเจ้าใคร่ขอนำเอาเหตุการณ์วันนั้นมาเล่าไว้ในที่นี้ให้ละเอียดเท่าที่จะละเอียดได้

เวลา ๑๔.๐๐ น. ในบริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คึกคักไปด้วยนิสิตทั้งชายหญิง ทุกคนต่างมีใบหน้าอิ่มเอิบ แต่ใจนั้นคงระทึกและตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ นั่นคือ การที่จะได้เข้าเฝ้าสองล้นเกล้าฯ อย่างใกล้ชิด รถบัสไม่ต่ำกว่า ๒๐ คัน ได้จอดเรียงรายในบริเวณมหาวิทยาลัย เพื่อรอรับนิสิตที่จะเข้าวังในวันนั้น คันไหนคนเต็มก็ออกไปก่อน คันที่เหลืออยู่ก็ค่อยทะยอยออกไปตามลำดับ จนกระทั่ง ๑๕.๐๐ น. บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็เงียบราวกับปิดภาคเรียน

เวลา ๑๕.๓๐ น. ณ บริเวณสนามในบริเวณพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตก็เต็มไปด้วย ชาวเกษตร มีทั้งอาจารย์ นิสิตเก่า และนิสิตปัจจุบันต่างกระจัดกระจายแยกกันเป็นกลุ่ม ๆ อยู่ทั่วไป จนกระทั่งเวลา ๑๖.๓๐ น. ความเป็นระเบียบก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งนิสิต และอาจารย์ต่างก็ได้เข้าแถว เพื่อรอรับเสด็จ จนเวลา ๑๖.๔๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และนิสิตเก่าได้ถวายผลผลิตทาง การเกษตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้นทั้งสามพระองค์ได้เสด็จฯ ผ่านแถวนิสิต ขึ้นสู่ที่ประทับ ซึ่งจัดขึ้นในสนามของพระที่นั่งอัมพรสถาน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้อาจารย์ นิสิตปัจจุบันและนิสิตเก่าเข้าเฝ้า และพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ ณ พระที่นั่งอัมพรสถานใน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๐๙
(ภาพจาก พระพิรุณ ฉบับรับน้อง ๒๕๑๐)

นายกสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้กราบบังคมทูลรายงาน และเบิก อาจารย์ คณะกรรมการสมาคมและนายกองค์การนิสิตและขอพระราชทานพระบรมราโชวาท ต่อจาก นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสแก่ชาวเกษตรที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บน สนามหญ้าและเก้าอี้จัดไว้จำนวนไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ คน

จบพระบรมราโชวาท ที่ทรงพระราชทานแก่ชาวเกษตร ต่อจากนั้น ม.ร.ว. เทพฤทธิ์ เทวกุล ซึ่งเป็นโฆษกได้ประกาศเพลงที่วงดนตรี อ.ส. จะบรรเลง เพลงแรกผ่านไปท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงถึงควาพอใจ
พอเพลงจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ มายังไมโครโฟน "ถึงเวลาแล้วใครนั่งสบาย ๆ ก็ให้นั่งสบายต่อไป ใครนั่งยังไม่สบาย ก็นั่งให้สบายเพราะว่าเดี๋ยวซาบซึ้งมากจะหลับไป" ณ โอกาศนั้น เพลงพระราชทานที่ทรงพระราชนิพนธ์ ให้แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็เริ่มบรรเลงมีทำนองอ่อนหวาน ไพเราะ เมื่อการบรรเลงจบ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นและดังอยู่นาน โฆษกได้ออกมาอีกครั้งหนึ่ง ประกาศว่าเพลง K.U. Song ที่ทรงพระราชทานนี้รู้สึกว่าหวานซาบซึ้ง ดังที่ทรงรับสั่ง ท่านผู้ฟัง ชอบหรือไม่ ถ้าชอบกรุณาปรบมือดัง ๆ เสียงปรบมือก็กึกก้องขึ้นทันที

บรรยากาศ "ทรงดนตรี" ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙

(ภาพจาก พระพิรุณ ฉบับรับน้อง ๒๕๑๐)

สิ้นเสียงปรบมือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสต่อไปอีกว่า "เพลงนี้ยังไม่มีคำร้อง แต่มีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดูเหมือนมีผู้เชี่ยวชาญในการเขียนคำร้องต้องเริ่มพิจารณาเพราะพวกนิสิตอยากได้ จะได้ไม่น้อยหน้าเขา แล้วก็จะได้แสดงว่าของเราก็มีเหมือนกัน" จบพระราชดำรัส เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สำหรับเพลงที่ได้ทรงพระราชนิพนธ์และพระราชทานให้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น มีเพียงทำนอง ส่วนเนื้อร้องนั้นเข้าใจว่าทางมหาวิทยาลัยคงมอบหมายให้ ดร. ประเสริฐ ณ นคร เป็นผู้แต่ง ซึ่งตอนนี้เราเรียกว่า เพลง K.U. Song ไปก่อน เพลง K.U. Song ได้รับการขอร้องให้บรรเลงซ้ำอีกตอนหนึ่ง จากการฟังรู้สึกว่าเป็นเพลงที่มีลีลาอ่อนหวานเยือกเย็นน่าฟัง ดังที่พระองค์มีพระราชดำรัสไว้ การบรรเลงของวงดนตรี อ.ส. วันนี้บรรเลงทั้งเพลงพระราชนิพนธ์ เพลงสากล และเพลงตามคำขอ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแซกโซโฟนบ้าง ทรงเปียโนบ้างสลับกันไป ระหว่างนั้นมีผู้ขอให้ศาสตราจารย์จรัด ร้องเพลง เพลงที่ร้องคือ China Night เมื่อศาสตราจารย์จรัดร้องเพลงจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสว่า "เมื่อกี้เป็นเพลงตามคำขอ แต่ไม่ทราบว่าใครขอ ตามหลักคนร้องต้องเสียเงิน คนฟังก็ต้องเสียเงิน คนขอก็ต้องเสีย คนประกาศก็ต้องเสีย ไม่มีที่สิ้นสุด ขูดเลือดมาก"

ต่อจากนั้นโฆษกก็ประกาศว่า นิสิตจำนวนหนึ่งได้สละค่าอาหาร วันพรุ่งนี้ รวมกันเป็นเงิน ๗๘๐ บาท ขอเพลงอะไรก็ได้ ซึ่งทางวงดนตรี อ.ส. ได้เสนอเพลง Somewhere Somehow ให้ ต่อมาคุณหลวงอิงค์ อดีตอธิการบดี ได้บริจาคเงิน ๔๐๐ บาท ขอให้ทูลกระหม่อมหญิงร้องเพลงพระราชนิพนธ์ Dream Island ซึ่งได้รับพระราชทานตามคำขอ และได้มีอาจารย์ ข้าราชการ นิสิตเก่าและปัจจุบัน ได้ทะยอยขอเพลงกันเรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย

หลังจากดนตรีได้บรรเลงมาได้ประมาณ ๑ ชม. นายกสมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้กราบบังคมทูลขอเบิกผู้แทนนิสิตเพื่อถวายของ นายกสโมสรนักส่งเสริมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เข้าทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้ ๕,๐๓๕ บาท จากการพิมพ์หนังสือรวมเพลงพระราชนิพนธ์จำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้ยังมีหนังสือเหลืออีก ๑,๕๐๐ เล่ม ซึ่งจะจัดจำหน่ายต่อไป และต่อมานายกองค์การนิสิต ม.ก. ได้กราบบังคมทูลว่า มีนิสิตจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะบริจาคได้ แต่ด้วยกุศลจิตอันแรงกล้า ขอน้อมเกล้าถวายโลหิตโดยเสด็จพระราชกุศลให้กับสภากาชาดไทย

เวลาล่วงเลยมาประมาณ ๑๙.๓๐ น. นิสิตที่หิวข้าวก็ได้ทะยอยกันออกไปรับประทานอาหาร ส่วนผู้ที่ยังไม่หิวก็นั่งฟังเพลงต่อไป อาหารที่พระราชทานเลี้ยงในวันนี้ได้จัดเป็นร้าน ๆ มีอาหารหลายชนิด ตามแต่ใครชอบอาหารชนิดไหน มีทั้งคาวหวาน จากการสอบถามนิสิตบอกว่าอาหารแต่ละชนิดล้วนแต่อร่อยทั้งนั้น การรับประทานอาหารเป็นไปอย่างมีระเบียบในระหว่างนี้มีผู้ขอให้อาจารย์หลวงอิงค์ขึ้นไปร้องเพลง และนายแพทย์ภิญโญ กัลยาณมิตร ได้บริจาค ๓๐๐ บาท อาจารย์หลวงอิงค์พร้อมด้วยลูกคู่ได้ขึ้นไปร้องเพลงจุดเทียน แต่แต่งเนื้อร้องใหม่ ปรากฏว่าเนื้องร้องเกิดไปถูกใจท่านผู้ฟังไปตาม ๆ กัน และมีผู้บริจาคเพิ่มเติมอีก ๘๐๐ บาท หลังจากนั้นโฆษกได้ประกาศว่า ยอดเงินรายได้จากการขอเพลงในขณะนี้เป็นเงิน ๑๐,๓๕๔ บาท

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและพระเจ้าลูกเธอได้เสด็จไปเสวยพระกระยาหาร เมื่อเวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น. ระหว่างนั้น วงดนตรีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้บรรเลงเพลงสลับรายการ และนิสิตร้องเพลงสดุดีพระเกียรติ

หลังจากเสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาประทับบนเวทีอีกครั้งหนึ่ง ดนตรี อ.ส. เริ่มบรรเลงเพลงตามคำขอ จนกระทั่ง ๒๒.๒๐ น. ได้มีผู้ขอให้สมเด็จฯ มีพระราชเสาวนีย์ หรือไม่ก็ขอให้ทรงเปียโน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระกระแสรับสั่งว่า "มีผู้ขอพระราชเสาวนีย์และขอเปียโน ถ้าอยากได้ก็จะแสดงและเป็นรายการสุดท้าย ต่อจากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์แก่ชาวเกษตรว่า "ขอแจ้งให้ทราบว่า จะมีอย่างเดียวตั้งแต่ไหนแต่ไรกลัว เปียโนไม่ได้เล่นเสียนาน ก็มีผู้มาขอทราบข่าวลูกชาย ก็จะแจ้งให้ เขาสบายดีแล้ว ก็น้ำหนักลดลงดี โรงเรียนเขากะอาหารให้ไม่ให้รับประทานมาก ก็เลยรู้สึกว่าหล่อขึ้นหน่อย เรียนพอตามเขาทันแล้ว โดยเฉพาะทางคณิตศาสตร์เขาเขียนมาว่าได้คะแนนเป็นยอดในชั้น และคิดว่าคงจะได้กลับมาฉลองวันเกิดในเดือนกรกฎาคมหน้า ครบ ๑๕ ปี สูงขึ้นมาก โรงเรียนเขาให้เล่นกีฬา เขามีรักบี้ แล้วก็ว่ายน้ำ ยิงปืน มีการฝึกคล้าย ๆ ยุวชนทหารด้วย แล้วก็งานหนักมาก ต้องลดอาหาร ต้องขัดรองเท้าให้หัวหน้าชั้น ต้องกวาดพื้นถูพื้น เลยรูปร่างค่อยงดงามขึ้นหน่อย แล้วบอกว่าคิดถึงบ้านมาก คิดถึงเมืองไทยอาหาร ไทยเพราะเขาชอบอาหารไทยมาก ที่ชอบเพราะเมือเขาอยู่กับพ่อแม่รับประทานครั้งละ ๓ จาน นี่เขารู้ว่ามาเล่าเรื่องคงโกรธแน่ แบบนี้เสียชื่อเสียงหมด เชื่อว่าปีหน้าคงได้พบกัน และเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่เรียบร้อยขึ้นมาก" เสียงปรบมือแสดงถึงความพอใจดังขึ้นอีกครั้ง

โฆษกประกาศว่ามีผู้บริจาคเงิน ๒๑๐ บาท ให้ ดร. ฤกษ์ ศยามานนท์ ร้องเพลง If I Love You พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งว่า "อันนี้เป็นรายการแถมพก เพราะว่าบอกแล้วว่าเป็น รายการสุดท้าย แต่เมื่อขอมาแล้วก็ต้องมาร้องเพราะเพลงบอกว่า If I Love You เดี๋ยวไม่ Love เดี๋ยวจะแย่" ดร. ฤกษ์ได้ขึ้นไปร้องเพลงตามคำขอได้รับการปรบมืออย่างกึกก้อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสต่อไปอีกว่า "นี่เป็นเพลงสุดท้ายแล้ว แล้วได้ บอกว่าแถมแล้วก็มาร้อง มีแฟนแยะเชียว ติดใจเสียงอันไพเราะจะให้ร้องเพลงอะไรอีก อย่าให้ตลอดคืนนะ อาหารเช้าไม่มีเลี้ยง"

ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ขอเพลงมาอีกมากมาย บรรดานิสิตรุ่น ๑๔ ขอบิรจาค ๒๑๐ บาท ขอให้ ดร. ทัศนีย์ หงส์ลดารมณ์ ร้องเพลง หลงคอย และมีผู้บริจาคสมทบอีกมากมาย ดร. ทัศนีย์ร้องเพลงจบ มีผุ้ขอให้คุณหลวงอิงค์ร้องเพลงอีก คุณหลวงอิงค์ร้องเพลงเก่าสมัยยังหนุ่ม คุณหลวงอิงค์ร้องเพลงจบไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสว่า "จบรายการแล้วนะ แถมให้ ๒ เพลงแล้ว ด้วยนักร้องเสียงทอง (โฆษกกราบบังคมทูลว่า ยังมีกระดาษขอเพลงอีก ๑ ปึก) อีก ๑ ปึกรึ โอ้ย เพลงหนึ่งต้อง ๕๐๐ บาทนะ หรือ ๕๐๐ เพลง ๑ บาท ทั้งปึกนั้นนะรึ ๕๐๐ บาท กี่เพลง ถ้าจะนับไม่ถ้วน นี้เราเป็นอย่างนี้ ปิดรายการแล้วนะ ปิดรายการแล้วมาขอ H.M. Blue อีก H.M. Blue เล่นแล้ว (โฆษกอีก ๑๒ เพลง เกล้ากระหม่อม) อีกโหลหนึ่งเรอะ? เล่นแบบเพลงละ ๒ - ๓ โน้ตได้ไหม? โอ๊ยไม่ได้ลำบากมาก ๑๒ เพลงเอาไว้ปีหน้า เพราะว่าผิดประเพณีไปแล้ว (ตามปกติ เมื่อ สมเด็จพระราชทานเสาวนีย์แล้วเป็นปิดรายการ) ประเพณีเรามี ประเดี๋ยวเดือดร้อนทางโน้น (หมาย ถึง สมเด็จฯ) ทางโน้นจะต้องเล่นเปียโน (ถ้ายังต่อรายการอีก) เพลง H.M. Blue ที่ขอมา ๑ เพลง เท่ากับ ๑ โหลเพลง เพราะมี ๑ โหลบาร์ ถ้าเล่นเพลงนี้ ๑ เพลงก็เท่ากับ ๑ โหล ถ้าเล่น ๒ เพลง เพลงละ ๓ นาที ก็เท่ากับ ๓๖ นาที คือเดี๋ยวนี้คำนวณเก่ง เมื่อวานซืนไปแจกปริญญาวิทยาลัยการ ศึกษาของครูอวบ (หมายถึง อวบ เหมะรัชตะ) ก็คำนวณไปคำนวณมาแจกไปนาทีละ ๗ คน ชั่วโมง หนึ่งแจกไป ๔๒๐ คน ๒ ชั่วโมง ๘๔๐ คน ปรากฏว่าแจกไป ๒ ชั่วโมง ๑๐ นาที ตามรายการมี ๙๙๙ คน ไม่ถึงพัน อย่างเพลง ๑๒ เพลง ๆ ละ ๓ นาที โอ้เอ้ระหว่างเพลง ๆ ละ ๒ นาที ก็เป็นเพลงละ ๕ นาที ๑๒ เพลงเป็น ๖๐ นาที แล้วยังมี encore จะต้องบอกว่า ๑ เพลง เท่ากับ ๔ เพลง ก็เป็น ๔ ชั่วโมง ระหว่างกลางต้องมีเครื่องว่าง ต้องเริ่มเล่น H.M. Blue อีก เพราะต้องเริ่มหิวอีก ก็ต้อง เสียเวลาไปอีก ๑ ชั่วโมง เป็น ๕ ชั่วโมง ลงท้ายเป็นอาหารเช้าแน่ พวกนี้มาจากเกษตร พวกนี้หล่อ จริง ๆ มีอาหารสมบูรณ์ แต่มาอยู่ที่นี้แห้งแล้วไม่มีอาหาร มีแต่หญ้า และหญ้าที่นี่ก็มีมด แล้วก็ตะกี้ ตอนแรกที่โฆษกบอกว่ามีเพลง Ant Eater ที่จริงไม่มี เขาออกหมดแล้วก็ตกลงมีแต่ ant มา eat มา ก็ต้องคอยกัน Ant อีกชั่วโมงเป็น ๖ ชั่วโมง ถึงเช้าแน่ สถิตินี้นับไปนับมาก็รู้สึกว่าอะไรไม่ได้การ

นี่เพลงมหาวิทยาลัยมีค่าสูงไหม? (สูง เสียงนิสิตตอบ) เท่ากับกี่เพลง (๒ เพลง เสียงจาก นิสิต) แหมดูถูกตัวเอง ว่าเพลงเราเท่ากับ ๒ เพลง หมายความว่าเพลงเราสู้สองเพลงนั้นไม่ได้ เพลง อื่นเขามีธรรมศาสตร์ มีจุฬาฯ ของเกษตรอย่างน้อยเท่ากับ ๒๔ เพลง ใช่ไหม? (นิสิตปรบมือ) ปรบมือกันก็หมายความว่าเท่ากับ ๒๔ เพลง อย่างน้อยเราเล่นเพลงเกษตรอีก ๑ ครั้ง ก็เท่ากับได้ กำไร ๑๒ เพลง ที่เล่นตะกี้นี้ต้องขึ้นไปเล่นเปียโนเพราะว่าเพลงไหม้ (ปวดพระทนต์) แล้วก็ต้องดับ เพลิง เดี๋ยวนี้ดับเพลิงได้แล้ว แต่ว่าถ้าเล่นไป อีก ๑๒ เพลง เพลิงก็จะไหม้อีก หมายความว่าเป่าไม่ ออก เอาไว้ปีหน้าจะดีกว่ากระมัง เอาไว้เป็นการบ้านถึงปีหน้าว่าเพลงเกษตรที่เท่ากับกี่เพลง ตอนนี้ ว่าไว้ชั่วคราว เท่ากับ ๒๔ เพลง ถึงปีหน้าอีก ๑๒ เดือน เล่นเดือนละ ๒ ครั้ง เป็น ๒๔ ครั้ง เล่น ๑ ครั้ง เท่ากับ ๒๔ เพลง เอา ๒๔ คูณ ก็นับไม่ถ้วนเอาไว้เป็นการบ้าน ให้อาจารย์ประเสริฐ (ดร. ประเสริฐ ณ นคร รองอธิการบดี ม.ก.) แล้วก็คนอื่น ๆ ที่มีฝีมือในการแต่งเพลง แต่งคำให้ดี ๆ ปีหน้า เอามาร้องให้ฟัง เพราะว่าตอนนี้ได้แค่เพลงไม่มีคำร้อง พวกเราร้องไม่ได้ ทำนองก็อาจจำไม่ได้ เอาไว้ ปีหน้าให้เต็มที่"

ต่อจากนั้นโฆษกได้กราบบังคมทูลว่า ยอดเงินทั้งหมดที่ได้จากการบริจาคของนิสิต อาจารย์ และผู้มีเกียรติรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๑,๘๐๕,๖๕๐ บาท และมีเงินต่างประเทศ ดังนี้ ๑.๔๑ เหรียญ อเมริกัน ๖ เปโซ (ฟิลิปปินส์) ๑๓๐ กีบ (ลาว) ๑.๑๐ เหรียญฮ่องกง ๑.๑๕ เหรียญมาเลเซีย ๑ จ๊าค (พม่า) ๒ ชิงลิง (อังกฤษ) กับเหรียญโทรศัพท์ ๓ เหรียญ

ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสอีกครั้ง

จบพระราชดำรัส นิสิตได้ร่วมกันร้องเพลงสดุดีพระเกียรติ จบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ ท่ามกลางเสียงไชโยถวาย พระพรของนิสิต งานได้สิ้นสุดลงเมื่อเวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา นิสิตจึงได้ทยอยกันกลับ และนิสิต อีกส่วนหนึ่งได้อยู่ช่วยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเก็บถ้วยชาม โต๊ะ เก้าอี้จนเรียบร้อย

การที่โปรดเกล้าฯ ให้ชาวเกษตรเข้าเฝ้าครั้งนี้ นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นเกล้าฯ ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณอันนี้จะฝังอยู่ในจิตใจของชาวเกษตรชั่วกัลปาวสาน (เขียนโดย พุม ขำเกลี้ยง)
(ข่าวสารเกษตรศาสตร์ ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๑ หน้า ๓๙ - ๕๑)


ทศวรรษที่ ๓